ช่วงเดือนที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญที่น่าจะเป็นผลต่อวงการน้ำเข้า
ส่งออกและการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอยู่หลัก ๆ 2 เหตุการณ์
หนึ่งนั้นคือการเข้ารับตำแหน่งใหม่ของประธานิบดี Joe Biden ซึ่งมองกันคร่าว ๆ
ก็ไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับการนำเข้าและส่งออกของบ้านเรา
แต่เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยและไทยก็ได้ดุลย์การค้ากับอเมริกาม
าตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19
ที่ผ่านมาทำให้อเมริกาเองมีผลกระทบอย่างมากจนระบบเศรษฐกิจของที่นั่นแทบหยุดชะงัก
ท่าเรือสำคัญหลายแห่งได้รับผลกระทบอย่างมาก การนำเข้าและส่งออกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ทำให้ตู้คอนเทนเนอร์ที่เคยหมุนเวียนเข้าออกอยู่เป็นปกติต้องหยุดชะงักจนมีการนำเสนอผลสำร
วจว่าตู้คอนเทนเนอร์ไปค้างอยู่ที่เมืองท่าสำคัญและตามเมืองต่าง ๆ
ที่อเมริกาเป็นจำนวนเกือบหนึ่งล้าน ทีอียู
นี่ถ้ารวมที่ไปตกค้างอยู่ในแถบยุโรปที่มีสถานการณ์โควิด-19 รุนแรงไม่แพ้กันด้วยแล้ว
คงมีตัวเลขตู้คงค้างประมาณเกือบสองล้าน ทีอียูเลยทีเดียว
นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์อย่างมากในทุกภูมิภาคของโลก
ทั้งหมดนี้อยู่ที่ทัศนคติของผู้นำคนเดิมที่มีต่อโรคระบาดตัวนี้และนโยบายสงครามการค้ากับจีนแ
ต่เมื่อมีการเปลี่ยนผู้นำ ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายลง แต่ก็คงไม่ใช่ระยะเวลาอันสั้น
คงต้องรอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางกันพอสมควรก่อนถึงจะพอเห็นหน้าเห็นหลังกันได้
ส่วนเหตุการณ์ที่สองคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกปี
เพราะเป็นเทศกาลใหญ่ของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก
มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของโลก
และคงไต่ระดับเป็นอันอับสองและหนึ่งขึ้นไปได้ในไม่ช้านี้
มีอิทธิพลทางการค้าระหว่างประเทศอย่างมากเพราะเป็นประเทศที่มีผลผลิตมวลรวมของประเท
ศ หรือ จีดีพี ที่ต้องพึ่งการส่งออก
และเมื่อประเทศที่มีอิทธิพลต่อการค้าระหว่างประเทศระดับนี้หยุดทุกกิจกรรมทางการค้าลงในช่ว
งเทศกาลปีใหม่ หรือตรุษจีนเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์
ย่อมส่งผลกระทบกับการค้าระหว่างประเทศ และธุรกิจการขนส่งทั้งทางเรือและทางอากาศ
เพราะอุปสงค์หรือความต้องการส่งสินค้าก็ลดลงอย่างฮวบฮาบ แต่อย่างไรก็ตาม
สายการเดินเรือซึ่งรู้สถานการณ์นี้เป็นอย่างดีมาทุกปี
ย่อมสามารถปรับตัวเข้ากับความต้องการที่ลดลงได้อย่างดี
โดยการยกเลิกเที่ยวเรือในบางเส้นทางเป็นระยะเวลาหนึ่ง
แต่ปีนี้และปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ไม่เหมือนในอดีตอย่างสิ้นเชิง
เพราะต้องผนวกเข้ากับสถานการณ์โควิด-19 และการขาดแคลนตู้เข้าไปด้วยแล้ว
การที่จีนหยุดพักอุปสงค์ และสายเรือปรับเที่ยวเรือของตน
ระยะหนึ่งกลับไม่ทำให้ความขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ดีขึ้นเท่าไหร่เลย
ก่อนหน้านี้มีการประมวลว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นผลให้นอกจากตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนแล้ว
ราคาค่าระวางส่งสินค้าก็ดีดตัวขึ้นในระดับปล่อยจรวดกันเลย
ทั้งนี้อาจพูดได้ว่าสาเหตุที่ต้องขึ้นราคาค่าระวางเป็นไปตามทฤษฏีเศรษฐศาสตร์ปกติ
คือเมื่ออุปสงค์มากกว่าอุปทาน หรือความต้องการมากกว่าความสามารถในการตอบสนอง
ราคาสินค้าก็ต้องขึ้นเป็นธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดความไม่สมดุลย์อย่างมากขนาดนี้
ราคาย่อมขึ้นไปมากจนเป็นสถิติที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การค้าและการขนส่งระหว่างป
ระเทศ
ไม่ต้องพูดถึงการส่งออกทางอากาศ เพราะเมื่อประเทศไทยปิดประเทศด้านการบิน
มีการจำกัดผู้คนเข้าออก
ประเทศที่มีรายได้ที่ต้องพึ่งการส่งออกและการท่องเที่ยวอย่างไทยก็ต้องลดเที่ยวบินพานิชย์ขน
ผู้โดยสารลงอย่างมาก นัยว่าบางช่วงมากกว่า 90% ของภาวะปกติ
และแน่นอนว่าเมื่ออุปทานขาดแคลนไปขนาดนั้นย่อมเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้ราคาค่าขน
ส่งสินค้าทางอากาศทะยานขึ้นแบบไม่เคยมีมาในประวัติศาสตร์เช่นกัน
แต่เมื่อเหตุการณ์สำคัญ 2 เหตุการณ์ของโลกผ่านไปแล้ว ทั้งการเข้ารับตำแหน่งใหม่ของนายโจ
ไบเดน และวันหยุดตรุษจีน
จากนี้ไปจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นบ้างหรือเปล่าเพราะก่อนหน้านี้ก็มีการประเมินกัน
ว่าสถานการณ์ของการขนส่งทั้งทางเรือและทางอากาศที่ย่ำแย่กันมากว่า 9 เดือนหลังของปี
2020 นี้ก็จะยังคงอยู่ต่อไปจนสิ้นไตรมาสที่สองของปี 2021 นี้
แต่ยังมีความหวังว่าสถานการณ์จะต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อ 2 พี่เบิ้มของโลกเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ
ในตอนหน้า จะได้ยกเอาสถิติและผลสำรวจขององค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาให้ไว้เป็นแนวทาง
